Magento ขึ้นชื่อเรื่องความยืดหยุ่นและฟังก์ชั่นมากมายที่ระบบอื่น ๆ ไม่มี หากใครที่สนใจการยกระดับธุรกิจมายังโลกออนไลน์ SEO Magento ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณควรทำความเข้าใจ ทั้งในเรื่องของระบบ Magento คืออะไร ตลอดจนเรื่อง SEO สำหรับ Magento

Magento คืออะไร?

Magento คือ ระบบการจัดการเนื้อหา (Content management system: CMS) สำหรับเว็บไซต์ Ecommerce ระบบ Magento นั้นมีฟังก์ชั่นที่ค่อนข้างหลากหลายและมุ่งเน้นอำนวยความสะดวกให้แก่เว็บไซต์ Ecommerce เป็นหลัก ดังจะเห็นว่ามีฟังก์ชั่นสำหรับ การจัดหมวดหมู่สินค้า, ระบบการชำระเงิน, ระบบการจัดส่ง, การอัปเดตจำนวนสินค้าในคลัง, ระบบจัดการโปรโมชั่น, การเปรียบเทียบราคาสินค้า, การรีวิวสินค้า และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม Magento ไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูป ผู้ใช้งานจะต้องเขียน Code เอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระบบ Magento คือ ระบบ Open Source ที่ผู้ใช้งานสามารถนำไปพัฒนาต่อไปตามความต้องการ ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นและค่อนข้างให้อิสระแก่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ด้านการออกแบบเว็บไซต์ ผู้ใช้งานสามารถออกแบบได้ตามต้องการอย่างไม่จำกัด ไม่มีรูปแบบตายตัว

seo สำหรับ magento

การทำ SEO Magento คืออะไร?

การทำ SEO Magento คือ วิธีการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตามหลักการ SEO บน Magento ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ Ecommerce เป็นหลัก เมื่อเว็บไซต์ได้รับการปรับแต่งหรือเพิ่มประสิทธิภาพกลไกเครื่องการค้นหา (SEO) ก็จะส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engines ในผลการค้นหาหน้าแรก ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชมหน้าเว็บไซต์จนสามารถสร้างยอดขายจริง ๆ ได้ และเป็นยอดเข้าชมจาก Organic Search หากคุณสนใจการทำ SEO สำหรับ Magento โปรดติดต่อเราเพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีทำ SEO บน Magento หรือบริการ Magento SEO ของเรา

SEO Magento สำคัญอย่างไรต่อการสร้างยอดขาย

ความมุ่งเน้นหลักของระบบ Magento คือการอำนวยความสะดวกให้แก่ร้านขายของออนไลน์ สังเกตได้จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ปรากฎภายในระบบจะมุ่งเน้นไปที่การขายสินค้าและบริการเป็นหลัก ส่งผลให้สภาพแวดล้อมภายในเว็บไซต์เอื้อให้การใช้งานที่เหมาะสมกับการซื้อขาย เมื่อมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมใช้งานแล้ว ต่อมาคือการเป็นที่รู้จัก หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งข้อนี้ SEO Magento มีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะ SEO สำหรับ Magento จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ไปปรากฎยังผลการค้นหาอันดับต้น ๆ ของ Search engines โดยไม่ต้องใช้ ADs ที่จะทำให้คุณจะดูน่าเชื่อถือขึ้นมา และสามารถเปลี่ยนผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้กลายมาเป็นลูกค้าจริง ๆ ที่พร้อมจะซื้อสินค้าและบริการของคุณได้ เท่ากับว่า ยอดขายของคุณก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

วิธีทำ SEO บน Magento ให้ประสบความสำเร็จ

SEO สำหรับ Magento นั้นค่อนข้างซับซ้อน และต้องรอบคอบเป็นอย่างมาก เพราะคุณจำเป็นจะต้องเขียน Code เอง ไม่ได้มีโปรแกรมสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งานเลย อย่างไรก็ตามใช่ว่าคุณจะไม่สามารถทำให้ประสบผลสำเร็จเลย ยังมีวิธีทำ SEO บน Magento ให้ประสบความสำเร็จอยู่ ซึ่งก็จะมีดังนี้…

ใน Magento SEO ส่วนนี้คือ URL ซึ่งใน Magento GO มีเครื่องมือสำหรับการเขียน URL อยู่คุณสามารถเข้าไปปรับ URL ได้ และรูปแบบที่ดีของ URL ตามหลัก SEO สำหรับ Magento คือ ควรเขียนให้สั้น กระชับ และมีคีย์เวิร์ดเป้าหมายประกอบอยู่ เพราะจะทำให้บอทจัดทำดัชนีได้ง่ายยิ่งขึ้น และเป็นผลดีต่อการจัดอันดับบน Search Result

Meta tag หรือที่อาจคุ้นเคยกับ Meta description สิ่งนี้มีความสำคัญต่อ SEO สำหรับ Magento เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเหมือนหน้าบ้านที่คอยอธิบายภาพรวมของหน้าเพจ ช่วยดึงดูดให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าตัดสินใจคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ได้ สิ่งที่สำคัญคือ ควรบรรจุคีย์เวิร์ดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งเจ้าของร้านหลายรายไม่ค่อยสนใจขั้นตอน Magento SEO ส่วนนี้กัน

ขั้นตอน Magento SEO ข้อนี้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างมากต่อการสร้างเว็บไซต์ เพราะเป็นเอกสารที่บอทของ Search engines จะเข้ามาตรวจสอบทุกครั้งเมื่อเข้ามาเยี่ยมเว็บไซต์ โดย ไฟล์ Robots.txt จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของเนื้อหาที่บอทควรตรวจสอบ และควบคุมเนื้อหาที่บอทสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ได้

คีย์เวิร์ด คือ หัวใจหลักของการทำ Magento SEO เพราะหากคุณใช้คีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานมักใช้ค้นหาเมื่อต้องการซื้อสินค้าและบริการของคุณ คุณก็จะถูกพบเมื่อพวกเขาทำการค้นหา ดังนั้นควรใส่คีย์เวิร์ดให้กระจายในหน้าเพจนั้น ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม และควรมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องปะปนอยู่ด้วย เพื่อสร้างความเข้าใจว่าคุณไม่ได้กำลังพยายามเข้าไปจัดการอันดับของ Search engines ทีนี้การทำ Magento SEO ของคุณก็จะประสบความสำเร็จแล้ว

Magento ข้อดี-ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

หากพูดถึง Magento ข้อดี-ข้อเสีย ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณเหมาะสมกับการข้อดีที่มีหรือไม่ และได้รับผลกระทบจากข้อเสียของ Magento หรือเปล่า…

ข้อดีของ Magento

  • มีระบบหลังบ้านครบ และฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการสินค้าให้เลือกเยอะ
  • รองรับการทำ Multi-store และ Multilanguage
  • เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่
  • มีระบบ Configurable product ที่ดี
  • ระบบค้นหาสินค้ามีให้เลือกใช้ตั้งแต่ขั้นปกติถึงขั้นสูง
  • ไม่จำกัดการออกแบบเว็บไซต์

ข้อเสียของ Magento

  • ต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงในการพัฒนา
  • เซิร์ฟเวอร์ใช้ต้นทุนสูง
  • ระบบจัดการเนื้อหาค่อนข้างซับซ้อน
  • ต้องเขียน Code เอง

การเติบโตของ Magento Thailand

สำหรับ Magento Thailand นั้นพบว่ายังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก เนื่องจากไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูป ที่พร้อมสร้างเว็บไซต์ได้เลยเหมือน CMS อื่น ๆ จำเป็นจะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูงในการจัดการ เพราะต้องใช้ทุนสูง ดังนั้นจึงจะเหมาะกับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า สำหรับ Magento Thailand ยังมีจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดย่อยที่มีจำนวนมากกว่าในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หากคุณคือธุรกิจขนาดใหญ่และต้องการหา Outsource ดี ๆ สักแห่งมาช่วยจัดการการทำ Magento SEO ให้มีประสิทธิภาพ Digital search group ประเทศไทย ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเราคือที่ 1 ของความเชี่ยวชาญด้าน SEO ด้วยทีมงาน ประสบการณ์ และผลงานที่คอยสร้างผลสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องตลอด 15 ปีในวิธีทำ SEO บน Magento จึงมั่นใจว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

FAQs: SEO สำหรับ Magento

Magento คือแพลตฟอร์มสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ Adobe เป็นเจ้าของซึ่งเชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ผู้ใช้ Magento สามารถเข้าถึงคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ นับร้อยที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับลูกค้าและขายผลิตภัณฑ์ได้ ส่วน Magento SEO คือวิธีที่สามารถทำให้เว็บอีคอมเมิร์ซที่สร้างผ่าน Magento ติดอันดับหน้าแรกของ Search engines จาก Organic search ที่ได้รับจากกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการค้นหาให้แก่เว็บไซต์

ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองคือ Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่มีโฮสต์ในขณะที่ Magento คือโฮสต์ด้วยตนเอง โฮสต์ Shopify จะดูแลทุกความกังวลเกี่ยวกับโฮสติ้ง ค่าใช้จ่ายโฮสติ้งทั้งหมด โดยไม่ต้องออกแรงหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ส่วนระบบ Magento คือจะต้องดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด

Magento คือแพลตฟอร์มที่เสนอทางเลือกเดียวคือ Magento Open Source ให้ดาวน์โหลดฟรี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซอฟต์แวร์จะให้บริการฟรี แต่คุณจะต้องจ่ายสำหรับการพัฒนาเว็บ เว็บโฮสติ้ง และค่าใช้จ่ายในการรวมระบบที่จำเป็นเพิ่มเติมเพื่อเปิดตัวและดูแลไซต์ของคุณ

WordPress และ Magento คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ Open source ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีความรู้ด้านการพัฒนาเว็บไซต์ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ในการสร้างและขยายร้านค้าออนไลน์ WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหาอเนกประสงค์ที่ดึงดูดผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคในระดับต่าง ๆ เช่นเดียวกันกับระบบ Magento คือ ระบบที่มุ่งเน้นการให้บริการอำนวยความสะดวกให้แก่การสร้างเว็บไซต์ Ecommerce ด้วยฟีเจอร์สำหรับร้านขายของออนไลน์จำนวนมาก

แน่นอนว่ามี และมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย แต่หนึ่งในบริษัทที่ให้บริการ Magento SEO ที่ดีที่สุดก็คือ Digital search group ประเทศไทย เพราะเราให้บริการครอบคลุมทุกที่ทั่วไทย และมีบริการที่ครบครัน ตอบโจทย์การตลาดดิจิตอลทุกด้าน ด้วยประสบการณ์การทำงานด้าน SEO มามากกว่า 10 ปี ดังนั้นเราจึงรู้วิธีทำ SEO บน Magento เป็นอย่างดี และสามารถนำพาเว็บไซต์ Ecommerce ของคุณไปสู่อันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาได้

Similar Posts